?? ทำไมต้องรับประทานยาปฏิชีวนะให้หมดซอง ??
"การดื้อยาจะเป็นโทษกับตัวเราเองและทำให้ผู้ป่วยอาจจะไม่หายจากอาการป่วย หรืออาจะทำให้เชื้อแบคทีเรียที่เกิดการดื้อยาแพร่กระจายไปสู่คนอื่นๆ"
 |
การรับประทานยาเป็นเรื่องปกติในชีวิตของเราทุกคนเมื่อเจ็บไข้ไม่สบาย บางครั้งแพทย์หรือเภสัชกรจะกำชับว่าต้องรับประทานยาปฏิชีวนะที่ให้มาจนหมด เพราะเหตุใดเราจึงต้องรับประทานยาปฏิชีวนะให้หมดตามที่แพทย์สั่ง
รศ.ดร.โอภา วัชระคุปต์ อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่าการรับประทานยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์ หรือเภสัชกรแนะนำว่าต้องรับประทานให้หมดซองหรือรับประทานให้ครบตามกำหนดนั้น มีความสำคัญคือทำให้ร่างกายไม่เกิดอาการดื้อยา เพราะการดื้อยาจะเป็นโทษกับตัวเราเอง และทำให้ผู้ป่วยอาจจะไม่หายจากอาการป่วย หรืออาจจะทำให้เชื้อแบคทีเรียที่เกิดการดื้อยาแพร่กระจายไปสู่คนอื่นๆ ด้วย สาเหตุที่ทำให้ร่างกายเกิดการดื้อยาก็คือ ในช่วงที่รับประทานยาปฏิีชีวนะ ยาปฏิชีวนะจะเข้าไปทำลายหรือหยุดการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือด เช่นสมมุติว่าในร่างกายของเราขณะนั้นมีเชื้อแบคทีเรียอยู่ประมาณ 10,000 ตัว ยาปฏิชีวนะจะเข้าไปทำลายเชื้อแบคทีเรียให้ลดลงจนเหลือ 1,000 ตัว เพราะฉะนั้นในระหว่างที่ยาปฏิชีวนะเข้าทำลายเชื้อแบคทีเรียนั้นจะมีการต่อต้านจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น พยายามกำจัดตัวยาออกไป โดยสร้างกลไกไม่ให้ยาซึมผ่านเข้าไป หรือสร้างเอนไซน์ขึ้นมาเพื่อทำลายฤทธิ์ของยานั้น ถ้าผู้ป่วยรับประทานยาจนครบตามที่แพทย์สั่ง จะทำให้เชื้อแบคทีเรียลดจำนวนลงจนตายหมดทุกตัว ก็จะทำให้ไม่มีเชื้อแบคทีเรียที่เคยรับรู้ว่ายาชนิดนี้เคยทำลายมันได้
|
แต่ถ้าเราหยุดรับประทานยา หรือรับประทานยาไปแค่ 3 วัน จะทำให้เชื้อแบคทีเรียที่เหลืออยู่จำนวน 1,000 ตัว เริ่มรับรู้ว่ามียาที่สามารถทำลายมันได้ เชื้อแบคทีเรียก็จะเริ่มสร้างกลไกเพื่อป้องกันตัวเอง นี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงต้องรับประทานยาปฏิชีวนะให้หมดตามที่แพทย์สั่ง
 |
การใช้ยาปฏิชีวนะ ใช้เฉพาะเมื่อมีอาการเจ็บป่วย ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเกิดจากการติดเชื้อ และใช้ยาปฏิชีวนะชนิดใดชนิดหนึ่งรักษาได้ผลเท่านั้น และต้องเลือกตัวยาปฏิชีวนะให้ตรงกับเชื้อที่เป็นสาเหตุ ไม่ใช่ว่าจะใช้ยาปฏิชีวนะชนิดใดก็ได้ |
